ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

วิกฤตอเมริกา ตอนที่ 13


วรวรรณ ธาราภูมิ
 CEO บลจ. บัวหลวง

13 กันยายน 2554


รู้ไหมว่าทำไมตอนนี้คนอเมริกันเรียก โอบามา ว่า ประธานาธิบดี Zero

ก็เพราะเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา การจ้างงานใหม่เท่ากับ 0 น่ะสิ

มาเล่นเกมส์ตอบปัญหากันดีกว่า .....

ในรอบ 10 ปีที่ผ่าน อเมริกาสร้างงานใหม่ได้กี่ตำแหน่ง

คำตอบคือ 0 เพราะในปี 2000 มีงานในสหรัฐประมาณ 130 ล้านตำแหน่ง และในวันนี้ก็มีประมาณ 130 ล้านตำแหน่งเหมือนเดิม

ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงล่ะ มันเพิ่มขึ้นเท่าไรจากปี 2001 ที่เป็น 16 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง

คำตอบคือ 0 เพราะเมื่อปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อแล้ว ค่าจ้างในวันนี้ก็ยังคงเป็น 16 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง เหมือนเก่า

แล้วราคาหุ้นโดยเฉลี่ยล่ะ 10 ปีมานี้ มันเพิ่มขึ้นไหม

คำตอบคือ 0 

ถ้าเราขายบ้านล่ะ จะได้เพิ่มขึ้นจากราคาซื้อเท่าไหร่

คำตอบคือ 0

สรุปก็คือใน 10 ปีที่ผ่านมานี้ คนอเมริกันไม่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเลย แถมยังเป็นหนี้มากกว่า 10 ปีที่แล้วมากมาย เพราะอัตราส่วนหนี้โดยรวมทั้งของรัฐบาลและเอกชนมันเป็น 200% ต่อ GDP  แต่วันนี้มันเท่ากับ 350% โดยยังไม่ได้รวมหนี้สวัสดิการต่างๆ นะ และหากดูเฉพาะส่วนของหนี้รัฐ มันเป็น 57% ของ GDP เมื่อสิบปีก่อน วันนี้จะแตะที่100% แล้ว

เมื่อบอกว่ามีข้าวหน้าไก่ 0 ห่อ อยู่บนโต๊ะ มันก็แปลว่าไม่มีข้าวหน้าไก่บนโต๊ะ
หากบอกว่าเกิดวันที่ 0  คนนั้นก็ไม่ได้เกิด เพราะวันที่ 0 คือไม่มี คือว่างเปล่า

0 คุณอะไรก็ได้ = 0  
0 คูณ ล้านบาทก็ได้ 0 
มีล้านบาทอยู่ดีๆ ดันเอาไปคูณกับ 0  เงินล้านบาทมันก็หายไปหมดเลย

รู้แล้ว รู้แล้ว งั้นเราเอา 0 ไปคูณกับหนี้ดีไหม หนี้ได้หายไปหมดเลย หรือเวลาเบื่อเมียก็เอาเลข 0 ไปคูณเมียซะ เพราะเมีย คูณ 0 ก็จะได้ 0   แปลว่าเมียจะหายสาบสูญไปเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

เออ พลั๊วะ !!!  พลั่ก พลั่ก พลั่ก !!   เอาไปเลยดอกนึง  เอ๋งๆๆๆ

นี่ไม่ได้มาใบ้หวยนะ แม้จะเคยมีงวดนึงที่ออก 00 (อ่านว่า จู๋น จู๋น) แล้วทำให้เซียนหวยต้องหงายท้องกันเป็นแถบ

อ้าว แล้วจะพูดเรื่อง 0 ไปทำไมล่ะ

ก็อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรที่ ลุงเบน เบอร์นานเก้ บอกว่าจะใช้นโยบายการเงินแบบเมายากันยุงจนหลับสนิท  คือดอกเบี้ยต่ำติดดินไป 2 ปีไงล่ะ 

นั่นละ 0 ของแท้เลยเชียว

เศรษฐกิจคูณอัตราดอกเบี้ยที่เป็น 0%    อัตราการขยายตัวเป็น 0%    ตลาดบ้าน ตลาดหุ้น เป็น 0   งานใหม่เป็น 0   ผลก็คือมันเท่ากับ 0 นั่นแหละ  เราจะได้เศรษฐกิจที่เป็น 0 !!!

และภายใต้ภาวะเงินเฟ้อประมาณ 3% ลุงเบนกลับให้แบงค์ต่างๆ กู้ยืมธนาคารกลางได้ที่ 0% ก็เท่ากับให้เงินฟรีแก่แบงค์ และให้ยาวไปถึง 2 ปี 

เอ้า เร้ว  เร่เข้ามา เร่เข้ามา มาเอาเงินไปใช้หน่อยคร้าบ  ใช้ฟรีๆ ไม่มีดอกเบี้ย 2 ปีเลยนะคร้าบ นาทีทองมาถึงแล้ว พี่น้องเอ๊ยยยยยยยยย .................

เอ ... ไหนเคยบอกว่าแบงค์มีเงินสดท่วมไงล่ะ แล้วแบงค์จะไปกู้ลุงเบนที่ 0% ทำไม

อ้าว ... ก็กู้ธนาคารกลางสหรัฐที่ 0% แล้วเอาเงินนั้นไปซื้อพันธบัตรกระทรวงการคลังสหรัฐอายุ 10 ปีที่ให้ดอกเบี้ย 2% ไง ไม่ดีเหรอ  เงินฟรีนะนี่  กำไร 2% เห็นๆ  ไม่เอาก็บ้าแล้ว  เงินนี้ได้มาโดยทำงานเท่ากับ 0  ด้วยซ้ำ  แถมยังมีความเสี่ยงในการปล่อยกู้ให้รัฐบาลเท่ากับ 0 อีกด้วย 

อ้าว แล้วจะมาบ่นให้เสียศูนย์ไปทำไมกันล่ะ

ที่บ่นก็เพราะความเสี่ยงมันจะไม่ใช่ 0 น่ะสิ

ก็เมื่อแบงค์ต่างๆ กลายไปเป็นแบงค์รัฐ เพราะรัฐเอาเงินไปอุ้ม รัฐก็ต้องถือหุ้น มันก็จะคล้ายๆ กิจการที่เป็นสาธารณะ  ไม่มีเจ้าของ ทั้งๆ ที่เจ้าของคือรัฐ คือประชาชน แต่ก็เป็นแบบไม่มีเจ้าภาพ ไม่เหมือนแบงค์ที่มีเถ้าแก่ดูแล  อย่างนั้นเขาเข้มงวด  ต้องบริหารให้เกิดผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น

กิจการที่ไม่มีเจ้าของ ผู้บริหารจะสบาย เพราะเขามักจะบริหารเพื่อตัวเอง เพื่อพนักงาน ไม่ใช่เพื่อผู้ถือหุ้น เขาก็จะดูดเงินออกไป เช่นจ่ายเงินเดือนสูงเกินควร จ่ายโบนัสกันจนเปรม ทั้งๆ ที่ธุรกิจไม่เอื้อ

และถ้าความเสี่ยงที่ไมใช่ 0  อย่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี เกิดจ่ายเงินคืนไม่ได้ขึ้นมาในอนาคต มันจะเป็นยังไงล่ะทีนี้

เอ้า .... แบงค์พวกนี้ก็เจ๊งตามรัฐไปด้วยน่ะสิ เพราะไปงกซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่ไม่มีปัญญาจ่ายคืนเอาไว้นี่

มองไปก็เหมือนญี่ปุ่นที่มีปัญหามาเป็น 10 ปี  เพราะอัตราดอกเบี้ยเป็น 0%  การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็น 0%
เอา 0 คูณ 0   จึงได้ 0 นั่นแล

จึงไม่ยากเลยที่จะทำนายล่วงหน้าว่า โอบามา แย่แน่ๆ ในการเลือกตั้งใหม่ปลายปีหน้า ยิ่งพยายามทำอะไร ก็ยิ่งส่งผลลบต่อคะแนนเสียง 

ในที่สุดก็จะเกิดสูตรสำเร็จแบบเดิม ล้มเรอะ ลุงเบน มาแว้ววววว ..... เย้ ๆ ๆ

แต่มันจะช่วยไม่ไหว เพราะอเมริกากำลังเดินลงท่อเดียวกับญี่ปุ่น แล้วคนก็จะร้องให้รัฐช่วยอีก ซึ่งประธานาธิบดี Zero ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเขา

นั่นก็คือผลักดัน American Jobs Act

ทายสิ ว่ามันจะเพิ่มงานได้กี่ตำแหน่ง


คำตอบก็คือ 0

สมกับฉายาใหม่ของ โอบามา อยู่ดีแหละ  เฮ้อ ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น