ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วิกฤตอเมริกา ตอนที่ 4

คุณวรวรรณ ธาราภูมิ
CEO บลจ.บัวหลวง
23 ส.ค. 2554

ในตอนที่ 3 เราจบด้วยประโยคว่า  ขณะนี้สหรัฐเริ่มมีอาการถูกตัดเครดิตแล้ว

ในช่วงปี 2000 มาถึงก่อนปี 2008 ตลาดที่อยู่อาศัยในอเมริกาคึกคักมากเพราะอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ต่ำมากๆ มายาวนาน ตามนโยบายและกลยุทธ์ของคุณลุงกรีน สแปน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ  เทศบาลท้องถิ่นของรัฐต่างๆ ทั่วประเทศก็เชื่อว่าภาวะคึกคักในอสังหาริมทรัพย์นี้จะคงอยู่ต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด ราคาบ้านจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และรัฐจะเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ได้มากขึ้น จึงได้ใช้จ่ายล่วงหน้าไปตามตัวเลขที่คาดการณ์ว่าจะได้รับรายได้เพิ่มจากภาษีอสังหาริมทรัพย์

ฮ่า .... นี่คืออาการหวังน้ำบ่อหน้าที่มีความเสี่ยงสูงมากเชียวนะนั่น คล้ายๆ เราคิดว่าปีนี้เราต้องได้โบนัสสิ้นปีสัก 4 เดือน และปีหน้าจะได้ขึ้นเงินเดือน 8% คำนวณแล้วน่าจะมีเงินพอไปเช่าซื้อรถใหม่ รูดเครดิตการ์ดวางเงินดาวน์ไปก่อน แล้วจะผ่อนชำระเอา ก็รูดการ์ดมันได้แต้ม ได้เงินสดคืน ได้บินฟรี ได้หม้อ ไห กะทะ ได้ดาว ได้เดือน

แต่คนรูดลืมไปว่า คุณจะได้หนี้ก้อนโตด้วย

พอถึงสิ้นปี ยอดขายบริษัทไม่เข้าเป้า โบนัสไม่มีแจก ปีหน้าไม่ขึ้นเงินเดือน ซ้ำร้ายอาจมีการลดพนักงาน
ไอ้ที่รูดปรื๊ดๆ โดยหวังได้น้ำบ่อหน้าจากโบนัส จากเงินเดือนขึ้น มันแห้ว แล้วเราก็หัวทิ่ม
ธนาคารสมัยนี้ ทำไมถึงต่างเร่งรัด ล่อลวง ผลักดัน ให้เราเป็นหนี้กันอย่างไม่ลืมหู ลืมตา กันนักก็ไม่รู้  ใจร้าย ใจดำที่สุด

การให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นสิ่งน่าสรรเสริญ เพราะบ้านเป็นปัจจัยสี่ และเป็นสิ่งจำเป็น เป็นความสุขในชีวิต แต่การผลักดัน รบเร้า ล่อลวง ให้คนใช้จ่ายเกินตนด้วยการรูดบัตรเครดิตแล้วเสนอให้ผ่อนชำระ มันทำลายวินัยทางการเงินของผู้คน

ทั้งยังเอาข้อมูล เบอร์โทรศัพท์ของเราทั้งที่ทำงาน ที่บ้าน และมือถือไปขาย แล้วให้ใครต่อใครโทรมาชักชวนให้ไปลดความอ้วน  ไปเป็นสมาชิกอะไรไม่รู้เยอะแยะ รวมถึงชวนให้กู้ๆๆๆๆ   มีแม้กระทั่งธนาคารต่างด้าวโทรเข้ามือถือเพื่อชักชวนให้กู้ไปซื้อกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นหรือทองคำ แล้วบอกว่ากำไรแน่ เพราะดอกเบี้ยกู้ไม่สูงเท่าผลกำไรที่จะได้รับจากการลงทุน  คุณพี่ขา กำไรแน่นอนค่ะ  เวรเอ๊ย  ไอ้เราบริหารกองทุนอยู่ทุกวันยังบอกลูกค้าเสมอว่าทุกอย่างมีความเสี่ยง แล้วนี่เธอเป็นนารีขี่ม้าขาวมาบอกกำไรแน่นอน ไม่เธอบ้า ฉันก็บอละว้า

นี่มันมากเกินไป เคยบ่นไปหลายครั้งแล้ว ก็ยังไม่เห็นใครขยับกัน สงสัยจะต้องร้องเรียน สคบ.แล้ว

อ้าว คนแก่ก็งี้ละ ขี้บ่น  เรากลับไปที่สหรัฐกันก่อนเหอะ

เมื่อท้องถิ่นของรัฐต่างๆ ไม่ได้รับภาษีอสังหาริมทรัพย์เพิ่ม แต่ดันไปใช้จ่ายล่วงหน้าตามที่คาดว่าจะมีรายได้ภาษีเพิ่มมากขึ้น  มันก็จบเห่

โดยรวมแล้ว 80% ของเงินกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งประเทศ ที่รัฐบาลกลางกู้ยืมมานั้น จะถูกส่งผ่านไปยังรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เรียกว่ารัฐบาลกลางอุ้มเทศบาล อุ้มรัฐบาลท้องถิ่นเอาไว้นั่นเอง

และก็ด้วยเงินกู้นี้นั่นแหละ ที่ทำให้ท้องถิ่นต่างๆ สามารถจ่ายค่าจ้างแก่เจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ พนักงานดับเพลิง คนขนขยะ ไปรษณีย์ ครู  นักกฏหมาย หมอ พยาบาล ซ่อมถนน ไฟฟ้า น้ำประปา ฯลฯ

แต่เมื่อรัฐบาลกลางต้องรัดเข็มขัดเพราะมีหนี้สินล้นพ้นตัว เมื่อเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ QE ต่างๆ จบลง ไม่มีใครให้รัฐบาลและเทศบาลท้องถิ่นกู้อีกต่อไป เพราะเขารู้ว่าให้กู้ไปก็ไม่ได้คืน

มันจะเกิดอะไรขึ้น

ในเดือนนี้เองที่กระทรวงการคลังสหรัฐก็เริ่มปฏิเสธการจ่ายเงินสนับสนุนหรือให้รัฐบาลท้องถิ่นกู้ ทุกอย่างจึงจบลง ความเลวร้ายก็กำลังคืบคลานเข้ามาหาชีวิตคนอเมริกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

รัฐและเทศบาล ไม่มีเงินจ้างตำรวจได้เพียงพอ ลูกจ้างรัฐก็เรียกร้องนั่นนี่มากไป แต่ทำงานน้อยกว่าค่าจ้างและสวัสดิการที่ได้รับ แต่ผู้ว่าการรัฐก็ต้องสัญญาว่าจะให้ เพราะเป็นระบบเลือกตั้ง แต่ในที่สุดก็ไม่มีจะให้ เลยต้องปลดเจ้าหน้าที่รัฐออก เทศบาลหลายแห่งต้องลดจำนวนคนลงถึง 1 ใน 4  โดยตำรวจครึ่งหนึ่งต้องตกงาน และนักดับเพลิงอีก 1 ใน 3 จึงไม่มีคนจ้างแล้ว

บาทหลวง Heyward Wiggins เล่าว่าความหวาดกลัวเกิดขึ้นไปทั่วเมือง อาชญากรรมเพิ่มขึ้นสูง คนจึงไม่กล้าออกไปนอกบ้านในเวลากลางคืน ธุรกิจหลายอย่างเช่นโรงหนัง ผับ บาร์ ต้องปิดตัวลง และแม้กระทั่งการออกไปโบสถ์ในทุกเย็นวันพฤหัสและวันศุกร์ก็ต้องยกเลิก เพราะคนไม่กล้าออกไปหาพระเจ้าในยามเย็น ยามค่ำอีกต่อไป

George Watson แห่ง New Jersey บอกว่า ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอีกแล้ว อาชญากรจะคืบคลานเข้ามาในบ้านเราอย่างไม่ต้องเกรงกลัวอะไร เพราะพวกมันรู้ว่าถึงโทรไป 911 ก็ไม่มีตำรวจอยู่ที่นั่นอีกแล้ว

สิ่งที่เกิดใน New Jersey ก็กำลังเกิดใน California เช่นกัน หัวหน้าตำรวจที่ Oakland จำเป็นต้องปลดลูกน้องตนเองออก เขาไปรายงานต่อประชาชนว่า ตำรวจเท่าที่เหลืออยู่คงไม่สามารถตอบสนองต่อโทรศัพท์ที่แจ้งเหตุร้ายได้เหมือนเดิมอีกแล้ว     

มันจะเป็นอย่างไรหากไม่มีตำรวจออกมาช่วยเราในยามที่มี โจรร้าย ปล้น ฆ่า ลักขโมย ข่มขืน เช็คเด้ง  และนักดับเพลิงไม่พอเมื่อเกิดอัคคีภัย

SO SAD.

และที่แย่กว่านั้น บางรัฐไม่ตัดงบประมาณ ยังคงให้บริการเต็มที่ แต่ .....
แต่รัฐเบี้ยวหนี้  
Tom Miller เป็นเภสัชกรและเป็นเจ้าของกิจการในเมืองเล็กๆ ที่ Marion, Illinois

เขากู้เงินมาตั้งร้านขายยา มีลูกจ้างเต็มเวลา 5 คน และจำหน่ายยาให้ลูกค้าที่อยู่ในโครงการ Medicare ของรัฐ นั่นก็คือ ลูกค้าไม่ต้องจ่าย แต่ Miller ไปเบิกคืนจากรัฐตามสวัสดิการโครงการนี้ได้

แต่เมื่อรัฐไม่มีเงิน รัฐก็หยุดจ่ายเอาดื้อๆ และหนังสือพิพม์ท้องถิ่นก็ลงข่าวว่า เภสัชกร Tom Miller ผู้เป็นชาว Southern Illinois โดยกำเนิด และจบการศึกษาจาก St. Louis School of Pharmacy ต้องจบอนาคตธุรกิจร้านยาของตน หลังจากทำมา 20 ปี เพราะรัฐจ่ายเงินคืนเงินให้เขาช้ากว่ากำหนดไป 9 เดือน

สิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นไปทั่ว

Daniel Vock เขียนข่าวลงใน New York Stateline.com’s  ว่า เทศบาล New York ดึงเวลาชำระเงินค่าสินค้าและบริการตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ New York ถังแตก ไม่มีเงินจ่ายให้ตามเวลาที่กำหนด ทำให้ระบบต่างๆ ใกล้จะจบลงแล้ว

วาดภาพออกไหมว่าหากโลกนี้มีแต่คนเบี้ยวหนี้เพราะไม่มีเงินจ่าย มันจะอยู่กันได้ยังไง

U.S. News & World Report รายงานว่าใน 2 ปีที่ผ่านมา มี 36 รัฐจาก 50 รัฐในอเมริกาที่ขึ้นภาษีและค่า ธรรมเนียมต่างๆ ที่นอกเหนือไปจากภาษีอสังหาริมทรัพย์ ภาษีเงินได้ และภาษีขาย เดี๋ยวนี้มีภาษีไฟฟ้าที่ติดตั้งบนถนนสาธารณะ  ภาษีอุปกรณ์ดับเพลิง และภาษีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ด้วย

ที่ Nevada ถึงกับอดอยากพอที่จะเก็บภาษีเพิ่มจากโสเภณีอีก 5 USD
ที่น่าตื่นตระหนกที่สุดคือที่ Ohio  เพราะรัฐนี้กำลังจะหาทางขายคุกอีกแล้ว และในอดีตที่เคยขายคุกไป ปรากฏว่าผู้คุมคุกที่จะตกงานโกรธมาก ถึงกับปล่อยนักโทษไว้โดยไม่มีใครดูแลควบคุม
 
Chicago  ก็ไม่น้อยหน้า มีการขายสิทธิในเครื่องหยอดเหรียญค่าที่จอดรถบนถนนในราคาถูกมากเพราะร้อนเงินให้แก่พวก Wall Street ในราคาลดลง 50% จากมูลค่าที่ควรจะเป็น

และก็ตามระเบียบของลัทธิ Wall Street  นั่นก็คือเมื่อซื้อไปแล้ว ก็เอาสิทธิโดยรวมนั้นไปสับๆๆๆ แล้วมัดใหม่เป็นหลายรุ่น หลายแบบ แล้วขายส่วนหนึ่งให้กับกองทุนความมั่งคั่งแห่งตะวันออกกลางไป

ดังนั้น เมื่อชาวชิคาโก จ่ายค่าที่จอดรถ จงพึงสำเหนียกไว้ว่า เงินของคุณไม่ได้ไปที่รัฐบาลอเมริกันอีกแล้ว แต่มันวิ่งไปเติมความมั่งคั่งในกระเป๋าให้พวก Wall Street กับพวกชาวตะวันออกกลางที่ร่ำรวยด้วยน้ำมัน
  
หากไม่มีปาฏิหารย์เกิดขึ้น ต่อไปคนอเมริกันคงจะพึ่งพารัฐบาลไม่ได้อีกแล้ว ทั้งในเรื่องเงินบำนาญในยามเกษียณ ในเรื่องสวัสดิการรักษาพยาบาล และในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

แต่รัฐบาลกลางอเมริกันก็มีสิ่งวิเศษที่รัฐบาลท้องถิ่นไม่มี เป็นสิ่งที่สงวนลิขสิทธิ์ไว้แก่สหรัฐประเทศเดียวเท่านั้นตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2  และทำให้รัฐบาลอเมริกันสามารถใช้ข้อได้เปรียบนี้อย่างที่ไม่เคยมีใครในประวัติศาสตร์ทำได้มาก่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น