ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อย่ากู้เงินเพื่อซื้อกองทุนรวม

วรวรรณ ธาราภูมิ

David Karas ที่ปรึกษาการลงทุนในแคนาดาที่ได้รับ License CFA  ถูกลูกค้าชื่อ George French อายุ 58 ปี เกษียณแล้ว ฟ้องร้องด้วยข้อหาให้คำแนะนำการลงทุนที่ไม่เหมาะสม เพราะไปแนะนำให้ลูกค้ากู้ยืมเงินมาซื้อกองทุนรวม จนลูกค้าขาดทุนไปถึง $1.5 million (45 ล้านบาท)  ทั้งนี้ บริษัทที่เขาสังกัดคือ Investia Financial Services Inc. ในโตรอนโต คานาดา ก็ถูกฟ้องด้วย โดย George French  ระบุว่าเขาตกเป็นเหยื่อของกลยุทธ์การลงทุนที่ออกแบบมาเพื่อให้ที่ปรึกษาการลงทุนร่ำรวยด้วยเงินของลูกค้า   
David Karas  นับเป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการกองทุนรวมมาก เคยได้รับรางวัลผู้ทำยอดขายกองทุนรวมสูงสุดจากบริษัทที่เขาสังกัดในช่วงปี 1989-2009  ปัจจุบันนี้เขาไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ขายกองทุนรวมแล้ว แต่ยังมีทะเบียนให้ขายประกันได้  และที่ทำงานแห่งใหม่ของเขาชื่อ Investors Source Wealth Management Inc ก็ทำกิจการให้คำแนะนำวางแผนการลงทุนกับการบริหารภาษีด้วย
ทนายความของลูกค้าที่ฟ้องร้อง David Karas ยืนยันว่ามีลูกค้าของ David Karas อีกประมาณ 20 รายได้ติดต่อมาที่ทนายความเพื่อให้ทำคดีฟ้องร้อง Karas เช่นเดียวกัน  และระบุว่ามีลูกค้าทั้งหมดประมาณ 150 รายที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับ George French ลูกความของเขา

ก่อนหน้าที่ George French จะได้รับคำแนะนำการลงทุนจาก David Karas  ในปี 2000  เขามีเงินสะสมเพื่อเกษียณ $380,000 (11.4 ล้านบาท) อยู่ในบัญชีเงินฝากธนาคาร  เขาไม่เคยสมรส และไม่ต้องเลี้ยงดูใคร  จำนวนเงินนี้จึงน่าจะเพียงพอที่จะใช้จ่ายในวัยเกษียณตามลำพังได้ 

George French  เล่าว่า David Karas  แนะนำให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อมาซื้อกองทุนรวมที่บริษัทของ Karas บริหาร โดยนำกองทุนรวมในส่วนที่ลูกค้ากู้เงินมาลงทุนไปเป็นหลักประกันการกู้ของลูกค้า  และกู้มากเท่าไร ทั้งบริษัทและ Karas ก็จะยิ่งได้ค่าตอบแทนมากขึ้นเท่านั้น  และในปี 2006 Karas  ได้เปิดบริษัทเองชื่อ Financial Victory Associates โดยมีเป้าหมายจะให้บริการแนะนำลูกค้าว่าเมื่อไหร่ถึงควรจะซื้อและขายกองทุนรวม โดย Karas แจ้งลูกค้าว่าลูกค้าสามารถลดโอกาสที่จะขาดทุนจากการลงทุนได้หากสมัครใช้บริการนี้  แต่ Karas ก็ไม่ได้แจ้งลูกค้าว่าการมีค่าธรรมเนียมอีก 0.75% สำหรับการใช้บริการนี้จะยิ่งทำให้ลูกค้ายากที่จะได้กำไรจากการลงทุนในกองทุนรวมโดยการกู้เงินมาลงทุน

นอกจากนี้ Karas ยังแนะนำและขายประกันให้ลูกค้าโดยไม่ได้พิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่อีกด้วย  George French  บอกว่าเขาหลงเชื่อในคำแนะนำของ Karas  ซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพระยะยาวโดยต้องจ่ายค่าพรีเมี่ยมสูงถึง $22,000 (660,000 บาท) ต่อปี

George French เชื่อคำแนะนำของ Karas  จึงได้กู้เงินกว่า 1 ล้านเหรียญ (กว่า 30 ล้านบาท) มาซื้อกองทุนรวม  โดยพอร์ตโฟลิโอการลงทุนในกองทุนรวมที่เขาได้รับคำแนะนำให้ซื้อนั้นประกอบไปด้วยกองทุนหุ้น 92% กับกองทุนตราสารหนี้ 8% เขาจึงไม่มีการออมในเงินสดเลย และเมื่อตลาดหุ้นถล่มทลายในปี 2008 George French  ก็พบกับปัญหาหนักหนาสาหัสในยามเกษียณ

การกู้เงินมาลงทุน  เหมาะสมกับเราหรือเปล่า ?
แม้จะมีผู้แนะนำการลงทุนหรือผู้ขายกองทุนในปัจจุบันพยายามแนะนำให้ลูกค้ากู้ยืมในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำเงินไปซื้อกองทุนรวม  แต่ที่จริงแล้วจะไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าการกู้ยืมเงินมาลงทุนในกองทุนรวมจะทำให้เราได้กำไร

ได้ยินกับหูว่าผู้ขายบางคนแนะนำลูกค้าว่าการใช้เครดิตการ์ดซื้อกองทุนจะได้แต้มสะสม  ได้รางวัลต่างๆ มากมาย โดยอัตราดอกเบี้ยจากเครดิตการ์ดจะคิดต่ำกว่าปกติหรือไม่คิดดอกเบี้ยระยะหนึ่ง  และอัตราดอกเบี้ยนั้นคุ้มกับอัตราภาษีเงินได้ที่ลูกค้าจะได้รับยกเว้น เพราะนำไปซื้อกองทุนอย่าง RMF และ LTF  แต่เขาไม่ได้บอกลูกค้ามีความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดขาดทุนได้โดยเฉพาะในช่วงสั้นๆ หากลงทุนในกองทุนรวมนั้น นอกจากนี้ ยังเคยได้รับโทรศัพท์บ่อยๆ จากบางธนาคารต่างประเทศ ที่พนักงานขายเรียกร้องให้ใช้วงเงินจากบัตรเครดิตไปซื้อกองทุน  โดยบอกว่าหุ้นขึ้นแล้วได้กำไรคุ้มดอกเบี้ยแน่นอน

การขายกองทุนรวมต้องไม่เป็นแบบนี้  เราต้องยึดมั่นในจริยธรรมของการแนะนำลูกค้า ไม่ไปเน้นที่ต้องทำให้ได้เป้าโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมของการให้คำแนะนำ

สิ่งที่ บลจ. บัวหลวง จะแนะนำก็คืออย่าตกเป็นเหยื่อของการขยายตลาดบนความเสียหายของลูกค้าซึ่งคนขายไปแนะนำให้ลูกค้ากู้มาซื้อกองทุน เอาของรางวัลมาล่อใจ 

ลูกค้าใช้เครดิตการ์ดซื้อกองทุนรวม RMF และ LTF ได้ แต่เมื่อถึงเวลาที่บัตรเครดิตเรียกเก็บเงิน  คุณจะต้องจ่ายชำระทั้งหมดเต็มจำนวน

มิฉะนั้น คุณอาจเป็นเหมือน
George French

บลจ.ที่มีแบงค์หนุน ได้ประโยชน์กว่าลูกค้า แบงค์แม่ก็ได้ประโยชน์ แล้วทำไม บลจ.บัวหลวง ถึงออกมาค้านวิธีการขายแบบนี้ล่ะ

เพราะเราต้องการเป็นมิตรแท้ตลอดเส้นทางลงทุนของทุกคน ไม่ได้ห่วงหรอกว่ารายได้จะไม่ดี มันดีมากค่ะ ยิ่งสายป่านยาวๆ ยิ่งทำได้มาก แล้วแบงค์กรุงเทพ แบงค์ไทยพาณิชย์ แบงค์กสิกร ฯลฯ สายป่านพวกเราเหล่านี้จะสั้นละหรือ

ไม่เลย หากเราทุ่มตลาดกัน เราทำได้อยู่แล้ว

แต่คนที่รับกรรมคือลูกค้า

เข้าใจยังคะ
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น