ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หุ้นที่ ลุงมาร์ค ฟาเบอร์ แนะนำ

คุณวรวรรณ ธาราภูมิ
 CEO บลจ. บัวหลวง

8 ธันวาคม 2554


เมื่อคืนวาน ลุง Marc Faber ออกทีวีช่อง Bloomberg แล้วบอกพวกเราว่า เออ ... ลุงมองไปข้างหน้าแล้ว ทุกอย่างดูแย่มาก และมีแต่จะแย่ลง

เฮอ .... ลุงมาร์ค ของเราก็ยังคงรักษาตำแหน่ง Dr. Doom หรือคนมองโลกแง่ร้ายอย่างเหนียวแน่น

แต่ลุงบอกว่ามีหุ้นที่ลุงจะแนะนำให้ซื้อและถือไว้นานๆ แล้วลุงก็พูดออกมาเป็นตัวสะกดภาษาอังกฤษ  ออกเสียงเขียนเป็นไทยได้ว่า 

จี โอ แอล ดี
อะไรของลุงน่ะ หุ้นตัวนี้ไม่คุ้นหูเลย มันอยู่ในตลาดหุ้นที่ไหนเหรอ ?
ทุกตลาดนั่นแหละ ทั่วโลกเลย  เยาวราชก็มีขาย แล้วถ้าเราอยู่เมืองจีนนะ เรายังซื้อได้จากตู้ขายอัตโนมัติเหมือนซื้อโค้กได้ด้วย
หุ้นไรว้า ซื้อได้จากตู้อัตโนมัติ อ๋อ Gold ลุงหมายถึงหุ้น Gold Property น่ะเหรอ
เฮ้ย ไม่ช้าย ..... ลุงกำลังพูดถึงทองคำ ทำไมโง่งี้ว้า ก็เมื่อเรามองไปข้างหน้าแล้วมีแต่จะเหี่ยวหด จะให้เอาเงินไปลงทุนอะไรล่ะ ซื้อพันธบัตรสหรัฐเหรอ หรือจะเอาพันธบัตรอิตาลี หรือซื้อหุ้นในอเมริกาที่ราคาตอนนี้อาจจะไม่แพงเท่าไหร่เมื่อเทียบกับการลงทุนอย่างอื่น และท่าทางจะดีไปสักพักล่ะ
ลุงมาร์ค บอกว่าตลาดโดยรวมๆ มันนิ่งๆ  หุ้นในตลาดสหรัฐถูกขายทิ้งจำนวนมากในวันที่ 4 ตุลาคม ทำให้ดัชนีหุ้น S&P ลดลงมาเหลือ 1,074 จุด แต่ตอนนี้มันเด้งกลับมาที่ 1,260 จุดแล้ว มันอาจขึ้นไปได้ถึง 1,280 แล้วก็ไปได้ถึง 1,350 แต่ก็ไม่น่าไปได้เกินนั้นเพราะมีคนอยากปล่อยของเยอะ
แล้วถ้ามีข่าวดีจากทางยุโรป มันก็แค่เป็นข่าวดีที่จะเลื่อนปัญหาออกไปสัก 2-3 ปีเท่านั้นแหละ เพราะจะมีคนพิมพ์เงินออกมาอัดฉีดระบบ อาจจะเป็นธนาคารกลางยุโรปเอง หรือเป็น IMF หรือกองทุนรักษาเสถียรภาพทางการเงินของยุโรแป (EFSF) ก็ได้
หรือจะเป็นซุปเปอร์แมน เบน เบอร์นานเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ที่กำลังจะแปลงร่างเป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อของโลกด้วยก็ได้  อะฮ่า .... รู้แล้วๆ ราคาหุ้นจะขึ้น เพราะเงินมันจะท่วมตลาด แบงค์ที่ได้ตังค์ไปเขาไม่ได้เอาไปปล่อยสินเชื่อ ต้นทุนเงินที่แบงค์ได้ไปก็ 0% หรืออาจจะสูงกว่านิดหน่อย  เขาไม่เอาเงินไปฝากหรือไปซื้อพันธบัตรหรอกเพราะมันได้ผลตอบแทนต่ำ  เขาก็จะเอามันไปละเลงในตลาดหุ้น ตลาดโภคภัณฑ์น่ะสิ
เออ เริ่มจะฉลาดขึ้นมาละไอ้หนู  ไอ้การเลื่อนปัญหาออกไปสัก 2 - 3 ปีมันไม่ใช่ข่าวดีหรอก แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าข่าวที่ยุโรปจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในวันสองวันนี่ละ  และมันก็ช่วยยืดเวลาให้พวกยูโรไปหาวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ ซึ่งลุงก็สงสัยอยู่ว่าชาตินี้มันคงจะหาทางแก้ไม่ได้ อย่างน้อยการพิมพ์แบงค์ออกมามันก็ช่วยกลบอะไรหลายๆ อย่าง แล้วยังเลื่อนวันตายออกไปได้อีกเหมือนที่อเมริกาทำ 
เออ  แล้วยุโรปมันจะเป็นยังไงละลุง
ก็จะรอดแหละ แต่ในสภาพไหนมันก็อีกเรื่องนึง อาจจะรอดโดยไม่มีประเทศอ่อนแออยู่ในกลุ่มอีกต่อไป หรืออาจจะรอดเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก
อะไรของลุงอีกง่ะ รูปลักษณ์ภายนอก !!
ก็แบบว่ายังคงรวมเป็นยูโร ยังมีเงินยูโรดอลลาร์ร่วมกัน แต่ในแต่ละประเทศต่างคนก็ต่างมีเงินสกุลท้องถิ่นของตัวเองใช้ไง ไม่รู้สิ ลุงก็คิดไปเรื่อยเปื่อยแหละ ก็ดีไปอย่าง ลุงจะได้ไปเที่ยวยุโรปโดยพกแต่ยูโรดอลลาร์ได้แบบเดิม
แล้วระหว่างสกุลเงินยูโร กับ ดอลลาร์ ล่ะ ลุงจะเก็บเงินลงทุนของลุงในสกุลอะไรจะดีกว่ากัน
"ก็บอกแล้วไงว่าต้องเป็น  จี โอ แอล ดี เพราะในระยะยาวแล้วยูโรกับดอลลาร์มันจะแย่ทั้งคู่ และเมื่อดอกเบี้ยในสหรัฐมัน 0% แบบนี้ มันยิ่งต้องไปถือ จี โอ แอล ดี  เพราะจะยังไงๆ  ไอ้เจ้า จี โอ แอล ดี นี่ก็ใช้ได้เหมือนเงินสด แถมยังรักษาคุณค่าของมันได้ด้วย ไม่เหมือนยูโรกับดอลลาร์ที่นับวันมีแต่จะเสื่อมค่าไป  เออ ... ถ้ามีตังค์เยอะๆ ก็แบ่งไปซื้อภาพเขียนกับแสตมป์เจ๋งๆ ไว้บ้างก็ได้นะ เพราะมันรักษาคุณค่าในตัวมันได้ดีกว่าดอลลาร์กับยูโรละไอ้หลาน
ลุงๆ  แหม ... ลุงก็อยู่เมืองไทยมานานแล้ว ทำไมไม่ค่อยพูดถึงไทยเลยล่ะ
เคยพูดแล้ว ไปหาอ่านเองมั่ง ไอ้หลานขี้เกียจ  แต่ลุงกำลังดูตลาดเกิดใหม่โดยรวมๆ นะ ลุงเห็นว่าตอนนี้ตลาดทุกแห่งในโลกมันขึ้นๆ ลงๆ ในทิศทางเดียวกันไปหมด อย่างปีนี้ ตลาดหุ้นอเมริกาเป็นบวก และให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดเกิดใหม่ แต่ในเอเชียมันตกลงมา 15%-25%  และตลาดเกิดใหม่ในยุโรปตะวันออกมันลงมามากกว่านี้อีก เรียกว่าตลาดหุ้นอเมริกาปีนี้มหัศจรรย์มากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในโลกเลยละ
ฮี่โธ่ ลุงไม่ดูตลาดหุ้นไทยล่ะ ปีนี้เรายังเป็นบวกตั้ง 1% กว่านะลุง  อินโด กับ ฟิลลิปปินส์ก็บวก 2% กว่า
เฮอะ แล้วแกไม่ดูตลาดหุ้นจีน ญี่ปุ่น  หั่งเช้ง ไต้หวัน สิงคโปร์ เวียดนาม อินเดีย เลยเหรอ มันลบตั้ง 10% กว่าไปถึง 20% กว่าเลยนะไอ้กบน้อยในกะลา แล้วหุ้นอเมริกาอย่างในกลุ่มดัชนีดาวพงษ์ เอ้ย ดาวโจร มันก็บวกไป 5% กว่า แต่ยุโรปติดลบไป 10% กว่า
อ่า ... อ่า ... แหม  ถามดีๆ ก็ด่าด้วย
เนี่ยะ หุ้นอเมริกาน่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นตลาดเกิดใหม่ไปสักพักละ แต่หากมองแยกๆ แล้ว ตลาดเกิดใหม่บางแห่งอาจจะเด้งขึ้นได้มากกว่าเพราะว่าโดนขายทิ้งมากเกินไป อย่างอินเดียไง หุ้นตกไป 22% และค่าเงินก็อ่อนลงไป 18% ตั้งแต่กรกฎา มันลงไปลึกมากแล้ว ค่าเงินก็อ่อนมากแล้ว มันก็น่าจะแรงซื้อกลับ แต่อย่าไปหวังนิวไฮเลย  มันไม่เกิดขึ้นในเร็ววันหรอก
จีนล่ะลุง จะแย่ไหม
เรื่องจีนนี่ลุงไม่รู้ลึกนะ แต่มันมีการปล่อยกู้มากเกินไป เรียกว่าเป็นฟองสบู่สินเชื่อละ แล้วยังมีอัตราดอกเบี้ยต่ำเกินจริง รายจ่ายภาครัฐก็สูงกว่ารายได้เรียกว่าขาดดุลงบประมาณสูง เพราะว่า เฮียหู (หู จิ่น เทา) ใช้นโยบายโตไม่หยุด เฮียหูเลยอัดเงินรัฐไปกระตุ้นเศรษฐกิจมากไป แต่ลุงมองว่าสักวันก็ต้องหยุด  ตอนนี้เฮียหูทำแบบยุโรปและอเมริกาคือเลื่อนปัญหาออกไปก่อน  อัดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป  จะลดดอกเบี้ยหรือใช้มาตรการอะไรอีกด้วยก็ได้  แต่มันก็ทำไม่ได้ไปตลอดละ แปะเอี้ย
โอ้ย ... ลุงอ่ะ มีแต่ข่าวไม่ดี
มาอ้ง มาโอ้ย อะไร ก็ลุงน่ะมีฉายาว่า Dr.Doom นี่ว้ะ ลองคิดดูสิ เศรษฐกิจประเทศที่โตเร็ว ใหญ่เร็ว มันก็ต้องมีการปรับฐานครั้งใหญ่ทุกที่ละ ใครจะไปโตได้ทุกปีโดยไม่หยุดล่ะ แล้วรู้ไหมละว่าเศรษฐกิจจีนมันมีผลต่อทั้งโลกมากกว่าที่ใครคิด  เพราะถ้าอเมริกาโต 3% หรือหด 3% มันไม่มีผลอะไรต่อราคาทองแดงหรอก  แต่ถ้าจีนโต 5% หรือ 10% มันมีผล
มีผลยังไงล่ะลุง
ก็เพราะว่าจีนใช้ทองแดงเยอะ ใช้วัตถุดิบเยอะเพื่อเอาไปผลิต การโต ไม่โต ของจีน มันก็เลยมีผลต่อความต้องการทองแดง เหล็ก อะลูมิเนียมและถ่านหินมาก  ถ้าจีนโตน้อยลงมันก็มีผลเช่นกันแต่ตรงกันข้าม คือราคาวัตถุดิบพวกนี้จะลด แล้วประเทศอื่นๆ ที่ส่งวัตถุดิบพวกนี้ รวมทั้งส่งหมู ส่งอาหารไปที่จีน จะเกิดอะไรขึ้น เข้าใจยัง ฮึ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น