ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การเทรดหุ้นกับการเล่นโป๊กเกอร์

คุณวรวรรณ ธาราภูมิ / คุณเจฟ สุธีโสภณ

CEO บลจ. บัวหลวง

22 ธันวาคม 2554

 

บางคนอาจทราบมาบ้างแล้วว่า บลจ.บัวหลวง ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกหุ้นโดยใช้นโยบาย Bottom Up และใช้กลยุทธ์ Good stocks + Good trades = Good performance


Bottom Up หมายถึงเราจะลงทุนโดยไม่ยึดติดกับการจัดสรรน้ำหนักด้วย Sector หรือกลุ่มอุตสาหกรรมแล้วค่อยลงไปหาหุ้นแบบบนลงล่างหรือ Top Down แต่จะเน้นหนักเรื่องการคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและคาดว่าจะผ่านวงจรเศรษฐกิจต่างๆ ได้โดยไม่บอบช้ำ โดยเราจะศึกษาเชิงลึกจากโครงสร้างและโมเดลการทำธุรกิจ สถานะการเงิน และการจัดการของทีมผู้บริหาร รวมทั้งการมีธรรมาภิบาลที่ดีของบริษัทต่างๆ ซึ่งบริษัทที่ผ่านเกณฑ์มาได้จะเป็นบริษัทที่เรามั่นใจ ทั้งยังสามารถคาดการณ์กำไรได้ และให้เงินปันผลที่น่าพอใจอีกด้วย

เรียกว่าถึงราคาหุ้นในตลาดอาจจะซวดเซเพราะโดนกระทบจากเศรษฐกิจโดยรวมจากภัยธรรมชาติที่ เอาไม่อยู่หรือจากการยึดบ้านยึดเมือง แต่หุ้นเหล่านี้ก็สามารถให้ปันผลที่ดี และราคาหุ้นในตลาดก็ยังฟื้นตัวได้ดีเมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง

เมื่อคัดเลือกหุ้นได้แล้วก็เท่ากับเราได้ Good Stocks มาไว้ในตะกร้าหุ้นที่เราจะลงทุนได้ แล้วเราก็จะมาถึงขั้นตอน Good Trade ซึ่งก็คือการเลือกเข้าซื้อหุ้นในตะกร้าเมื่อมันมีราคาถูกกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นตามปัจจัยพื้นฐาน หรือขายออกไปเมื่อเราได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย หรือเมื่อหุ้นมีราคาตลาดเต็มมูลค่าที่เราคาดการณ์ หรือเมื่อเรารู้ว่ามันไม่น่าลงทุนอีกแล้ว (เออ ... พลาดก็มีเหมือนกัน แต่ต้องพลาดน้อย)

ซึ่งหากทำได้ดีเราก็จะมี Good performance

ในการทำ Good Trade นั้น  อารมณ์กับการลงทุนนั้นเป็นสิ่งที่ควบคู่กัน โดยผู้ที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าย่อมได้เปรียบ  

Good Trade ก็คล้ายๆ กับการแข่งขัน Poker Tournament  เพราะจะประกอบด้วยผู้แข่งหลายประเภท หลายสไตล์การเล่น แต่เหมือนกันตรงที่ต่างจ้องจะโกยเงินหรือ chip บนโต๊ะ  แต่ละคนต้องอ่านใจคู่แข่ง หลอกล่อ ทำหน้านิ่งให้อ่านไม่ออก หรือแกล้งลุกลี้ลุกลนเพื่อหลอกคู่แข่ง ซึ่งต้องคาดเดาสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา

สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากการลงทุนและซื้อขายหุ้น

ที่สำคัญก็คือทักษะที่จอมยุทธ์เกาจิ้งใช้ในวงการโป๊กเกอร์ ก็เป็นทักษะที่ใช้กันในตลาดหุ้น ปัจจัยทางด้านอารมณ์ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อขายหุ้นและการเล่นโป๊กเกอร์มันเหมือนกันเปี๊ยบ เพราะอารมณ์หลัก 3 อย่างที่ ผู้จัดการกองทุน Trader และผู้เล่นโป๊กเกอร์ ต้องเผชิญคือ ความโลภ ความกลัว และความหวัง

ความโลภ 
       
เป็นหนึ่งในอารมณ์พื้นฐานที่มีกำลังขับเคลื่อนการตัดสินใจของมนุษย์มากที่สุด ความโลภอาจทำให้ผู้เล่น โป๊กเกอร์หน้ามืด แล้วไปจดจ่อกำไรที่จะได้รับโดยไม่คำนวณโอกาสที่จะแพ้ ซึ่งก็เช่นเดียวกับนักลงทุนที่โลภจนมองไม่เห็นข้อด้อยของหุ้นตัวนั้น

วิธีที่จะเอาชนะความโลภได้ คือแทนที่จะคิดถึงความสุขจากกำไรก้อนนั้น ก็ให้คิดว่าอะไรจะทำให้คุณไม่ชนะ และนี้คือเหตุผลว่าทำไมผู้แข่ง Poker ชั้นยอดถึงยอมหมอบทั้งที่มีไพ่ดี ซึ่งก็เพราะเขาคาดได้ว่าคู่แข่งมีไพ่ดีกว่าเขา เป็นต้น

อีกตัวอย่างของความโลภก็คือ เวลาไพ่คุณดี ก่อนจะเรียกใบต่อไป คุณโลภมากจนใส่เงินไปจนท่วมกอง เพราะอยากให้มีคนใส่ตาม คุณจะได้มีโอกาสกินเงินมากขึ้น นั่นก็ทำให้คู่แข่งของคุณอ่านได้ว่าคุณกำลังโลภเพราะมีไพ่ดี แต่มืออ่อนไปหน่อยที่ทำให้เขาอ่านเราออก เขาเลยหมอบไป ทำให้คุณได้เงินนิดเดียว แต่กรณีนี้ก็มียกเว้นหากคุณไพ่ไม่ดี แล้วมีมาดแบบเกาจิ้ง ลักไก่ ไล่คู่แข่งให้หมอบหนีไปได้ทั้งๆ ที่ไพ่คนอื่นเขาดีกว่า

กรณีนี้ก็คล้ายๆ เวลาเทรดเดอร์จะซื้อหรือขายหุ้น เขาจะไม่ให้คนอื่นๆ อ่านออกว่าเขาต้องการซื้อมากเพียงไหน หรือต้องการขายใจจะขาดเพียงใด  ไม่งั้นจะซื้อได้แพง และขายได้ถูกกว่าที่ควรจะเป็น เขาจึงไม่ใส่จำนวนหุ้นและราคาที่ต้องการจะ Bid หรือ Offer ในลักษณะที่ทำให้คนอื่นอ่านออก
 
ความกลัว
     
เป็นอีกหนึ่งอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ และแต่ละคนก็มีระดับความกลัวที่ต่างกัน โดยสะท้อนมายังการรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน

ความกลัวอาจเกิดจากประสบการณ์ไม่ดีในอดีต เช่น หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจเราจะเห็นนักลงทุนหลายคนถือเงินสดแม้ว่าตลาดหุ้นจะมีราคาถูกมากๆ ความกลัวจึงอาจทำให้คุณพลาดโอกาสดีๆ ได้

เวลาเล่นโป๊กเกอร์ ถึงแม้คุณจะมีไพ่ดีอยู่ในมือ แต่ถ้าคู่แข่งคุณเกทับบลัฟแหลกด้วยเงินเยอะๆ  คุณก็อาจกลัวจนต้องหมอบไป ทำให้เสียโอกาสทั้งที่ควรจะสู้  ต่างกับนักลงทุนหน้าใหม่ซึ่งกล้าที่จะเสี่ยงมากกว่านักลงทุนที่ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายรอบ

ความหวัง
     
ข้อผิดพลาดหลักอีกอย่างหนึ่งของนักลงทุนคือการถือหุ้นที่ขาดทุนต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ cut loss เพราะไปหวังว่าราคาหุ้นจะดีขึ้น การเล่นโป๊กเกอร์ก็เช่นกัน

ในหลายครั้งทั้งๆ ที่ผู้เล่นมีไพ่อ่อนในมือ แต่ยังเลือกที่จะเล่นต่อแทนที่จะหมอบ เพราะไปหวังลมๆ แล้งๆ ว่าไพ่ที่จะเปลี่ยนจะทำให้สถานการณ์พลิกกลับ แต่มันมักทำให้ขาดทุนเพิ่มขึ้น

Jesse James เทรดเดอร์หุ้นชื่อดังในยุค 1920 เขียนไว้ว่า Trader ที่ประสบความสำเร็จจะต้องควบคุมอารมณ์หลัก 2 อย่างของมนุษย์ไว้ให้ได้ นั่นก็คือความหวังกับความกลัว

ในช่วงตลาดขาลง คนจะหวังทุกวันว่าพรุ่งนี้จะไม่ลงต่อ และอาจจะดีขึ้น ความหวังจึงทำให้ไม่ cut loss แล้วก็ลงเอยด้วยการขาดทุนจำนวนมาก เพราะตลาดขาลงไม่ใช่ความผันผวนช่วงสั้นๆ

ส่วนเวลาตลาดเป็นขาขึ้น นักลงทุนกลับกลัวว่าวันรุ่งขึ้นกำไรของคุณที่ได้มาตอนนี้จะหดหายไป ทำให้รีบขายหุ้นออกเร็วเกินไป ทั้งๆ ที่ตลาดกำลังเป็นขาขึ้น เช่นจากการมีนักลงทุนต่างประเทศกำลังอยู่ในโหมดขนเงินเข้ามาซื้อหุ้นไทย เป็นต้น ความกลัวในจังหวะที่ไม่ควรกลัวจึงปิดกั้นความสามารถในการเพิ่มกำไร

นักลงทุนชื่อดังหลายราย มักจะทำในสิ่งที่สวนกระแสกับคนอื่นๆ   ในเวลาที่คนอื่นกำลังโลภ เขากลับกลัว และในเวลาที่คนอื่นกลัว เขากลับโลภเพราะมีความหวัง

ในตลาดที่เป็นขาลงและขาขึ้น (ไม่ใช่ความผันผวนช่วงสั้นๆ)  นักลงทุนที่มีสติต้องระลึกอยู่เสมอว่า ในเวลาตลาดเป็นขาลงการขาดทุนที่ผ่านมานั้นสามารถจะขาดทุนเพิ่มขึ้นได้อีก เพราะผู้เล่นอยู่ในโหมด ขาย และในช่วงตลาดเป็นขาขึ้นกำไรที่เห็นวันนี้ก็สามารถเพิ่มพูนได้ในวันต่อๆ ไป เพราะผู้เล่นยังอยู่ในโหมด ซื้อ

ดังนั้น การควบคุมอารมณ์และการมีวินัย จึงเป็นกุญแจสำคัญในการลงทุนและในการเล่นโป๊กเกอร์ (เก้าเก หรือตีแตก ก็ได้ ถ้าคุณถนัดกว่า) 

ถ้าคุณสามารถทำได้ ก็จะช่วยลดโอกาสผิดพลาดที่เกิดจากการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล

ว่าแต่วันนี้คุณจะเล่นโป๊กเก้อร์หรือหุ้นดีล่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น